ชื่อ : W32.Bropia
ชนิด : หนอนอินเทอร์เน็ต (worm)
ชื่ออื่นที่รู้จัก : W32.Bropia
ระดับความรุนแรง : ปานกลาง
ระบบปฏิบัติการที่มีผลกระทบ : Windows 2000, Windows 95, Windows 98, Windows Me, Windows NT, Windows Server 2003, Windows XP
ระบบปฏิบัติการที่ไม่มีผลกระทบ : Linux, Macintosh, OS/2, UNIX
ตัวหนอนนี้จะแพร่กระจายผ่านโพรโตคอล(พอร์ต 1863/tcp) ที่ให้บริการจากโปรแกรม MSN Messenger โดยจะอาศัยเครื่องที่ถูกหนอนชนิดนี้คุกคามเป็นพาหะสำหรับการส่งไฟล์ไปยัง ผู้ที่มีรายชื่ออยู่ใน contact list ของผู้รับและหากผู้รับ รับไฟล์และเปิดใช้งานจะทำให้ติดตัวหนอนชนิดนี้ได้ การแพร่กระจายของหนอนชนิดนี้ผ่านไฟล์ในชื่อที่แตกต่างกัน เช่น
ไฟล์ชื่อ love_me.pif
sexy_bedroom.pif
drunk_lol.pif
naked_party.pif
web_cam.pif
drunk_lol.pif
webcam_004.pif
ตัวอย่างหน้าจอของ MSN ของตัวหนอน
หนอนชนิดนี้สามารถแพร่กระจายผ่านโปรแกรม MSN เป็นหลัก
- ส่งไฟล์แนบให้กับผู้ที่มีรายชื่ออยู่ใน contact list ของผู้รับ : หนอนจะส่งไฟล์ ผ่านโปรแกรม MSN โดยอัตโนมัติ
- เครื่องอาจทำงานผิดพลาด : เนื่องจากหนอนจะแก้ไขไฟล์และรีจิสทรี ทำให้เครื่องทำงานผิดพลาดได้
-
หยุดการทำงานโปรแกรมป้องกันไวรัส : ส่งผลทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกหนอนชนิดนี้แพร่กระจาย อาจถูกหนอนชนิดอื่นแพร่กระจายเข้ามาได้
ลักษณะที่อาจจะบ่งให้เห็นว่าติดตัวหนอน
- ไม่สามารถทำการ click ขวาได้
- ไม่สามารถใช้งาน task manager ได้ โดยการกด Ctrl-Alt-Del
- ตัวหนอนสร้างไฟล์ในเครื่องผู้เสียหายดังนี้
C:\<ชื่อไฟล์ของหนอน>.pif
C:\omc.com
C:\windows\system32\lexplore.exe - เครื่องจะพยายามติดต่อ MSN
- ตัวหนอนจะติดตั้งโปรแกรมโทรจันในเครื่องโดยเปิดพอร์ตชนิด udp ที่มีหมายเลขที่สูงกว่า 1024 เช่น
44802/udp
9943/udp
2268/udp เป็นต้น - เครื่องทำงานช้าลง
เมื่อหนอน W32.Bropia ถูกเอ็กซิคิวต์ หนอนจะมีกระบวนการดังนี้
- การกำจัดหนอนแบบอัตโนมัติ วิธีที่ 1
- ดาวน์โหลดโปรแกรม Sysclean.com จากเว็บไซต์ http://www.trendmicro.com/ftp/products/tsc/sysclean.com
- ดาวน์โหลดไฟล์ pattern ชื่อ lptxxx.zip จาก http://www.trendmicro.com/download/pattern.asp
หมายเหตุ xxx แทนตัวเลขเวอร์ชันล่าสุดของไฟล์ pattern
- แตกไฟล์ lptxxx.zip นำไฟล์ชื่อ lpt$vpn.xxx เก็บไว้ในโฟลเดอร์เดียวกับไฟล์ Sysclean.com ที่ได้จากข้อ 1
- ตัดการเชื่อมต่อเครือข่าย
- หยุดการทำงานทุกโปรแกรม รวมทั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสด้วย
- จากนั้นรันไฟล์ Sysclean.com จะปรากฏไดอะล็อกให้ทำการสแกนโดยกดปุ่ม Scan
- เริ่มต้นการใช้งานโปรแกรมป้องกันไวรัสอีกครั้ง
- ทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสที่ใช้อยู่แล้วทำการสแกนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องที่ใช้งานอยู่ไม่มีไวรัส
- สำหรับผู้ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส
- ถ้าใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ME หรือ XP ให้ทำการ disable System Restore ก่อน (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ส่วนของ ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับ Windows XP และ ME)
- ปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสใหม่ล่าสุดจากเว็บเพจของบริษัทเจ้าของโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ท่านใช้ หรือ ติดต่อบริษัทที่ท่านติดต่อซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัส
- รีสตาร์ทเครื่องให้เข้าในระบบแบบ Safe Mode โดยในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 95/2000/XP ให้กด F8 ระหว่างการบูตเครื่อง
- สแกนไวรัสด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ได้รับการบรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสจากข้อที่ 2 หลังจากการสแกนโปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำการลบไฟล์ตัวหนอนออกจากระบบทั้งหมด ที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับวินโดวส์ ME:
หมายเหตุ: ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ME ใช้ backup utility สำหรับ backup ไฟล์โดยอัตโนมัติไว้ที่โฟลเดอร์ C:\_Restore ดังนั้นไฟล์ที่ติดเชื้อสามารถถูกเก็บไว้เป็นไฟล์ backup ได้ และ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะไม่สามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้ จึงต้องทำการยกเลิกการใช้งาน Restore Utility ตามขั้นตอนดังนี้
- คลิ๊กขวาที่ไอคอน My Computer บน Desktop และ เลือก Properties
- เลือกแถบ Performance
- กดปุ่ม File System
- เลือกแถบ Troubleshooting
- ใส่เครื่องหมายเลือก "Disable System Restore"
- กดปุ่ม Apply
- กดปุ่ม Close
- กดปุ่ม Close อีกที
- เมื่อมีหน้าต่างขึ้นมาถามว่าจะรีสตาร์ทเครื่องหรือไม่ ให้กด Yes
หมายเหตุ: ตอนนี้ Restore Utility ถูกยกเลิกแล้ว - หลังจากเรียกใช้งาน Fix tools เรียบร้อยแล้ว เปิดหาตำแหน่งของไฟล์เหล่านั้นได้จากโฟลเดอร์ C:\_Restore และกำจัดออก
หลังจากกำจัดเรียบร้อยแล้วก็รีสตาร์ทเครื่องให้ใช้งานได้ตามปกติ
หมายเหตุ: การเปิดใช้ Restore Utility อีกครั้ง ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1-9 และในขั้นตอนที่ 5 ให้ยกเลิกเครื่องหมายที่เลือก "Disable System Restore" ออก
ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับวินโดวส์ XP
หมายเหตุ: ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ XP ใช้ backup utility สำหรับ backup ไฟล์โดยอัตโนมัติไว้ที่โฟลเดอร์ C:\_Restore ดังนั้นไฟล์ที่ติดเชื้อสามารถถูกเก็บไว้เป็นไฟล์ backup ได้ และ โปรแกรมป้องกันไวรัสจะไม่สามารถลบไฟล์เหล่านี้ได้ จึงต้องทำการยกเลิกการใช้งาน Restore Utility ตามขั้นตอนดังนี้
- คลิ๊กขวาที่ไอคอน My Computer บน Desktop และ เลือก Properties
- เลือกแถบ System Restore
- ใส่เครื่องหมายเลือก "Turn off System Restore" หรือ "Turn off System Restore on all drives"
- กดปุ่ม Apply
- กดปุ่ม Yes
หมายเหตุ: ตอนนี้ Restore Utility ถูกยกเลิกแล้ว - หลังจากเรียกใช้งาน Fix tools เรียบร้อยแล้ว เปิดหาตำแหน่งของไฟล์เหล่านั้นได้จากโฟลเดอร์ C:\_Restore และกำจัดออก หลังจากกำจัดเรียบร้อยแล้วก็รีสตาร์ทเครื่องให้ใช้งานได้ตามปกติ
หมายเหตุ: การเปิดใช้ Restore Utility อีกครั้ง ให้ทำตามขั้นตอนที่ 1-5 และในขั้นตอนที่ 5 ให้ยกเลิกเครื่องหมายที่เลือก "Turn off System Restore" ออก
วิธีป้องกันตัวเองจากหนอนชนิดนี้
- ห้ามรับไฟล์ หรือเปิดใช้งานไฟล์ที่ได้รับจากโปรแกรม MSN
- สำหรับผู้ดูแลระบบท่านควรปิดการใช้งานของพอร์ต 1863/tcp เพื่อระงับการแพร่กระจายของตัวหนอนชนิดนี้
- ติดตั้งโปรแกรมต่อต้านไวรัส และต้องทำการปรับปรุงฐานข้อมูลไวรัสเป็นตัวล่าสุดอยู่เสมอ
- สร้างแผ่นกู้ระบบฉุกเฉิน (Emergency disk) ของโปรแกรมป้องกันไวรัส และปรับปรุงฐานข้อมูลในแผ่นอยู่เสมอ
- ทำการสำรองข้อมูลในเครื่องอยู่เสมอ และเตรียมหาวิธีการแก้ไขเมื่อเกิดเหตุขัดข้องขึ้น
- ติดตามข่าวสารแจ้งเตือนเกี่ยวกับไวรัสต่างๆ ซึ่งสามารถขอใช้บริการส่งข่าวสารผ่านทางอี-เมล์ของทีมงาน ThaiCERT ได้ที่ http://thaicert.nectec.or.th/mailinglist/register.php
- สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีป้องกันตัวเองจากไวรัสทั่วไปได้ในหัวข้อ วิธีป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากไวรัสคอมพิวเตอร์
ความคิดเห็น