สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

วิธีง่ายๆยืดเวลาการใช้งาน

วิธีง่ายๆยืดเวลาการใช้งาน

 

 

หลายคนคงเคยประสบปัญหา.. แบตเตอรี่โน้ตบุ๊กหมดกระทันหัน และมักจะเป็นช่วงเวลาสำคัญๆ ด้วยสิ เช่น ต้องส่งรายงานให้ลูกค้า ส่งการบ้านให้คุณครู ซึ่งทางแก้เดียวที่ทำได้หรือ หาปลั๊กที่ใกล้ที่สุดแล้วเสียบโดยด่วน แต่เราคงไม่โชคดีทุกครั้ง เพราะบางทีรอบๆ ตัวคุณอาจจะมีแค่หาดทราย และสายลมก็ได้ ใครจะไปรู้


 

วันนี้ผมเลยเอาทิปเทคนิคที่จะช่วยยืดดดด..อายุแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นานกว่าเดิม จะมากจะน้อยนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้โน้ตบุ๊กทำอะไรบ้าง ที่แน่ๆ ผมว่ามันอาจจะเป็นหนทางช่วยชีวิตคุณได้ในยามคับขัน..ว่ามะ มาเริ่มกันเลยครับ

ถ้ามองกันจริงๆแล้ว โน้ตบุ๊กนั้นถูกสร้างมาเพื่อช่วยให้พวกเราสะดวกสบายมากขึ้น ในเรื่องของการพกพาที่เอาติดตัวไปได้ทุกที่ ซึ่งเป็นจุดเด่นของโน้ตบุ๊ก และเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างโน้ตบุ๊กและพีซีตั้งโต๊ะ (Desktop pc) ด้วยความสามารถในเรื่องของการทำงานนอกสถานที่โดยไม่จำเป็นต้องเสียบปลั๊ก ทำให้โน้ตบุ๊กต้องมีแหล่งพลังงานในตัวเอง ซึ่งมีการพัฒนาไปค่อนข้างมาก ทั้งแบตเตอรี่แบบพิเศษ รวมถึงใช้พวกของเหลว แต่ทว่าเป็นเีพยงการทำต้นแบบออกมาเท่านั้น ในปัจจุบันโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ยังคงใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนเท่านั้น ซึ่งก็มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จแบตเตอรี่ 1 ครั้ง รวมถึงอายุของตัวแบตเตอรี่เองที่มีการเสื่อมลงเรื่อยๆ ทุกวัน โดยเฉลี่ยแล้วการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง จะสามารถใช้งานได้นานราวๆ 2 - 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่ และจำนวนเซลล์ด้วยครับ
 
ดูระยะเวลาแล้ว ผมคิดว่าไม่น่าจะเพียงพอสำหรับใครหลายๆ คนที่จำเป็นต้องใช้โน้ตบุ๊กนานๆ นอกสถานที่ซะด้วยสิ... ก่อนจะไปถึงเรื่องเทคนิคต่างๆ ตอนนี้มาทำความรู้จักกันก่อนว่า แบตเตอรี่โน้ตบุ้คนั้นมีกี่ประเภท

1. แบตเตอรี่ นิกเกิล แคดเมียม (Ni-Cd)
2. แบตเตอรี่ นิกเกิล เมทัล ไฮไดร์ (NiMH)
3. แบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันมากที่สุด...
4. แบตเตอรี่ ลิเธียม พอลิเมอร์ เป็นแบตเตอรี่ที่กำลังมาแรง โดยจะมาแทนที่ลิเธียม ไอออน เนื่องจากสามารถให้พลังงานได้มากกว่า มีโน้ตบุ้คบางรุ่นนำมาใช้แล้ว อย่างเช่น Lenovo Thinkpad X300


โดยชื่อต่างๆเหล่านี้เรียกตามส่วนประกอบของแบตเตอรี่นั่นเอง


พอเรารู้ข้อมูลเกี่ยวกับแบตเตอรี่กันไปแล้ว ทีนี้ผมก็จะบอกถึง Tip ดีๆ ที่จะมาช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ เพื่อทำให้ใช้โน้ตบุ้คสุดที่รักได้นานมากยิ่งขึ้นกันครับ มีประมาณ 12 เทคนิคด้วยกัน มาดูกันทีละอันไปเลย


1. เราควรจะปรับความสว่างของหน้าจอไม่ให้สว่างมากเกินไป เพื่อลดการใช้พลังงาน ทางที่ดีปรับให้สว่างน้อยที่สุด เอาเท่าที่เรามองเห็นก็พอครับ ที่ต้องบอกแบบนี้ก็เพราะว่า จอแอลซีดีของโน้ตบุ๊กจะใช้ไฟแบลคไลท์ให้ความสว่างแก่ผลึกเหลวคริสตัลที่อยู่ในจอแอลซีดี และไฟแบคไลท์นี้เองที่กินพลังงานเป็นจำนวนมากในอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่เราต้องปรับความสว่างให้น้อยลง เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่นั่นเอง


2. ปกติถ้าเราไม่ได้ใช้งานพวกระบบการเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ เช่น Bluetooth , Wi-Fi  ควรจะปิด (Disable) เอาไว้ เพราะอุปกรณ์พวกนี้กินไฟใช่ย่อยเลยครับ โดยเฉพาะ Wi-Fi นั้นกินมากเป็นพิเศษ วิธีการปิดก็ง่ายๆ เลย เครื่องไหนที่มีซอฟต์แวร์พวกจัดการระบบการเชื่อมต่อไร้สายก็ทำการ Disable ผ่านซอฟต์แวร์พวกนั้นก็ได้ หรือบางรุ่นมีปุ่มเปิดปิด ก็จัดการเปิดปิดผ่านปุ่มเลยครับ ส่วนเครื่องใครที่ไม่มีอะไรที่ปิดได้ง่ายๆ เลย ให้เขาไปในส่วนของ Network connections เสร็จแล้วจัดการคลิ้กเมาส์ขวาที่ Connection ที่เราจะทำการปิด แล้วเลือกที่คำว่า Disable ดูตามภาพก็ได้ครับ ที่นำมาให้ดูนั้นเป็น Windows XP นะครับ ส่วนใครใช้ Windows Vista ก็ไม่ต่างกันมาก ลองไปทำดูละกัน



3.  มาต่อกันที่ข้อสามครับ เวลาเราไม่ได้อยู่หน้าเครื่อง หรือไม่ได้ใช้โน้ตบุ๊กเป็นระยะเวลานาน แนะนำให้เข้าสู่โหมด standby หรือ hibernate ไว้ เพราะอุปกรณ์หลักๆ ของเครื่องจะหยุดทำงานทั้งหมด ประหยัดแบตไปได้อีกเยอะ หรือถ้าขี้เกียจมานั่งเข้าโหมด Standby ทุกครั้ง ก็ไปตั้งเวลาในส่วนของ Power Options แทนก็ได้ครับ ส่วนใครไม่อยากตั้ง ก็สามารถเข้าสู่โหมด Standby เองได้เลย วิธีใช้งาน standby แบบแรก คลิ้ก start -->Control Panel--->Performance and Maintenance--->Power Options



เมื่อเข้าสู่ Power Options Properties คลิ้กแถบ Advanced ดูตรง Power Buttons แล้วเลือกรูปแบบ Standby ซึ่งจะมีอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ

When I close the lid of my portable computer อันแรกนี้เป็นตัวกำหนดว่าเมื่อเราปิดฝาจอลงมาแล้ว จะให้เครื่องทำอะไร เช่น Standby , เข้าสู่โหมด Hibernate หรือจะ Shut Down ไปเลย


ถัดมา When I press the power button on my computer ตัวนี้เป็นการกำหนดว่าหากเรากดปุ่ม Power แล้วจะให้เครื่องทำอะไร ตัวเลือกก็จะเหมือนกับแบบแรกครับ


สุดท้าย When I press the sleep button on my computer ตัวนี้ก็คล้ายกับกดปุ่ม Power แต่จะเป็นปุ่ม Sleep แทน โน้ตบุ๊กบางรุ่นก็มี บางรุ่นก็ไม่มีครับ ส่วนนี้แนะนำให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม


แต่ผมเองปกติใช้ประจำก็เลือกวิธีว่า ปิดฝาจอแล้วให้ทำอะไรมากกว่า ปกติเลือกให้เข้าโหมด Hibernate ครับ เพราะสะดวกสุด ปิดฝาได้เลย งานทุกๆ อย่างที่ทำค้างไว้ก่อนจะปิดฝาจอก็จะกลับมาเมื่อเราเปิดฝาจออีกครั้งครับ อันนี้คือข้อดี แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันคือ ต้องใช้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์จำนวนหนึ่ง เพื่อบันทึกข้อมูลล่าสุดก่อนปิดฝาจอของเราเอาไว้ อีกอย่างใช้ไปนานๆ อาจจะส่งผลให้เครื่องแฮงค์โดยไม่ทราบสาเหตุได้ เพราะการใช้ระบบนี้เครื่องจะไม่มีการบูตเลย ก็ลองเลือกดูนะครับ



วิธีใช้งาน standby แบบที่สอง คลิ้ก start -->turn off computer เลือก Stand by หรือจะกด Shift ค้างไว้เพื่อเข้าสู่โหมด Hibernate จากตรงนี้ก็ได้



วิธีใช้งาน Hibernate

(Hibernate เป็นโหมดที่เข้ามาช่วยในการบันทึกงานต่างๆ ล่าสุดที่เราทำค้างไว้ โดยจะบันทึกข้อมูลลงฮาร์ดดิสก์ไว้ เมื่อเราเปิดเครื่องอีกครั้ง หน้าจอล่าสุดก่อนเข้าสู่โหมด Hibernate ก็จะแสดงขึ้นมา เช่น หากเราเปิดงาน Word ค้างไว้ เปิดเครื่องมาอีกครั้งหน้าจอเดิมของ Word ก็จะแสดงขึ้นมา)

-  คลิ้ก start -->Control Panel--->Performance and Maintenance--->Power Options



-  เมื่อเข้าสู่ Power Options Properties คลิกแถบ Hibernate  เลือกใช้งาน hibernate สังเกตดูว่าจะมีการแสดงพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ที่ต้องใช้สำหรับการ Hibernate เอาไว้ด้วยครับ สำหรับเครื่องใครที่ไม่สามารถใช้โหมด Hibernate ได้นั้น อาจจะเป็นเพราะมีโปรแกรมบางตัวที่เราติดตั้งเกิดการ Conflic กับโหมด Hibernate ครับเช่น Alcolhol 120% เป็นต้น ให้ถอนการติดตั้งออกก่อน แล้วมาเลือก Enable hibernation แล้วค่อยติดตั้งโปรแกรมตัวนั้นอีกที



4. บางคนก็อาจจะมีการเปิดใช้ screen saver เอาไว้แทนการ standby หรือ hibernate ซึ่งก็ทำได้ครับ แต่แนะนำว่าไม่ควรจะใช้เป็นพวกรูปภาพต่างๆ ควรใช้เป็น blank screen เพราะจะประหยัดพลังงานมากกว่า หรือไม่ใช้เลยจะดีที่สุด



5. ควร copy ไฟล์จากแผ่น cd dvd ต่างๆไว้บน HDD ไม่เปิดจากแผ่นโดยตรง และไม่ใส่แผ่นทิ้งไว้ในเครื่อง สาเหตุเพราะว่าทุกๆ ครั้งที่เราสั่งให้เครื่องอ่านข้อมูลจากแผ่น มอเตอร์ของไดรฟ์ CD หรือ DVD จะทำงาน ซึ่งต้องใช้กำลังไฟจำนวนหนึ่ง ยิ่งอ่านนาน ก็ยิ่งเปลืองแบตเตอรี่ ลองฟังเสียงดู ดัง วื้อๆ ที่แบตหายไปเยอะทีเดียว..



6. ควรทำการ defragment ฮาร์ดดิสก์ เพื่อจัดเรียงไฟล์อย่างมีระบบ ลดภาระการทำงานของหัวอ่านฮาร์ดดิสก์ที่ไม่ต้องวิ่งไปมาหลายตำแหน่ง นอกจากจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ ยังช่วยให้เราเปิดไฟล์ต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย



7. ปิดการทำงานของโปรแกรมบางตัวที่มันจะรันเมื่อเราเข้าสู่วินโดวส์ ถ้ายังไม่ชัดเจนก็ลองนึกถึง MSN Messenger ที่โหลดเปิดหน้าจอเองทุกครั้ง หรือไม่ก็เป็นตัว Control ปรับแต่งชิปกราฟิกของ ATI ที่มักจะโหลดเข้าสู่หน่วยความจำทุกครั้ง รวมถึงโปรแกรมบางตัว ที่จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องมาโหลดเอาไว้ก่อนเลยครับ มีวิธีการทำดังนี้ คลิ้ก start -->Run



พิมพ์ msconfig เพื่อเข้าสู่ system configuration utility



ไป แถบ startup ให้เลือก disable item ที่ต้องการ หรือจะ disable all ทั้งหมด อ่านถึงตรงนี้แล้ว อย่าเพิ่งไปคลิ้ก Disable All นะครับ เว้นเสียแต่ว่าคุณทราบว่า Item หรือโปรแกรมแต่ละตัวมีไว้ทำอะไร ผมแนะนำให้ลองเลือกเอาออกเฉพาะตัวที่ไม่ค่อยสำคัญครับ เช่น พวก MSN Messenger เป็นต้น ส่วนพวก Antivirus เอาเก็บไว้ครับ อย่าเอาออกเด็ดขาด เพราะจำเป็นต้องโหลดทุกครั้ง จะได้ป้องกันเครื่องเราด้วย ตรงนี้ใครไม่ทราบก็ถามคนที่รู้ก็แล้วกัน ว่าตัวไหนจะเอาไว้ดี หรือเอาออกดี มิเช่นนั้นเอาออกมั่วๆ เดี๋ยวเครื่องจะใช้งานได้ไม่สมบูรณ์นะครับ



8.เมื่อไม่ได้ใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อ usb ต่างๆ ควรถอดออก อย่างเช่น mouse ถ้าเป็นไปได้อาจจะใช้ touch pad (แล้วแต่คนถนัด) แทน ใครไม่ถนัดก็ฝึกใช้ครับ ในยามที่แบตจะหมด อะไรถอดได้ก็ถอดให้หมดก็แล้วกัน



9. ไม่ควรเปิดเสียงลำโพง speaker ดังมาก เพราะว่าจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่



10. ไม่ควรเปิดใช้งานหลายๆโปรแกรมในเวลาเดียวกัน เนื่องจากทำให้ memory และ cpu ทำงานหนัก



11. ดูแลรักษาแบตเตอรี่ ครั้งแรกที่ซื้อโดยควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม และไม่ค่อยปล่อยให้แบตเตอรี่หมดหรือว่าเหลือ 0% แล้วค่อยชาร์จ จะทำให้แบตเสื่อม ทางที่ดีเห็นว่าเหลือน้อยแล้ว ก็รีบชาร์จจะดีกว่าครับ

12. บางคนอาจจะเจอปัญหาว่า ทำไมใช้โน้ตบุ้คอยู่ดีๆ ก็ดับไป ทั้งๆที่ก่อนเครื่องจะดับ เราก็เห็นว่ายังมีแบตอยู่มากกว่าครึ่ง ปัญหานี้เกิดจาก ประจุค้างอยู่ในแบตเตอรี่ แก้ปัญหาโดยเมื่อเราชาร์จไปทุกๆ 30 ครั้ง ควรจะใช้ให้หมด แล้วชาร์จใหม่ทีเดียว เป็นการเคลียร์ cell battery (ปัญหานี้จะเจอได้ใน แบตเตอรี่พวก ลิเธียมไอออน ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน)

ก็เป็น 12 ทิปเทคนิคเอาไว้ให้ใช้งานกัน.. อ่านแล้วอาจจะมองว่าไม่สำคัญ หรืออะไรนี่ มันดูง่ายไปหรือเปล่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ครับ.. เวลาคับขันจริงๆ แบตจะหมด เครื่องร้องติ๊ดๆ งานจะส่ง.. คุณอาจจะนึกถึงบทความนี้ก็ได้.. 555 ใครมีเทคนิคอะไรเพิ่มเติมก็โพสต์แนะนำมา หรือจะเขียนเป็นบทความให้ทางทีมงานมาเผยแพร่ก็ได้นะครับ ไปละครับ แบตจะหมดแล้ว (เอิ้ก)...

ที่มา http://www.notebookspec.com

ความคิดเห็น

  1. 1
    แค่ผ่าน
    แค่ผ่าน 07/07/2008 21:55
    แบบว่า ผมอ่านแล้ว สงสัยว่า การที่จะไม่ให้ เบตรเสือม เสียสายไฟแล้วเล่นไปเรือยๆ จะทำให้เบตรเสือมเป่าคับ

    ขอโทดจิงๆคับไม่รู้จิงๆ
  2. 2
    เคนอิจิ
    เคนอิจิ 05/02/2009 16:52
    ขอบคุงมากมายคร้าบ

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view